น้ำผึ้ง ถือเป็นยาอายุวัฒนะที่ได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่ยุคโบราณ ชาวกรีกจะดื่มน้ำผึ้งก่อนลงแข่งกีฬาโอลิมปิก เพราะเชื่อว่า น้ำผึ้งช่วยขจัดความเมื่อยล้าได้ ชาวอียิปต์ได้ใช้น้ำผึ้งช่วยสมานแผลในการผ่าตัด เพื่อฆ่าเชื้อโรค รวมไปถึงการทำมัมมี่เพื่อช่วยรักษาสภาพร่างกายของมัมมี่ให้คงอยู่ทนนาน นอกจากนี้น้ำผึ้งยังเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ถูกใช้เพื่อความงามมา ตั้งแต่สมัยโบราณ และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบันอย่างแพร่หลายอย่างที่เห็นกันในโฆษณาโทรทัศน์ น้ำผึ้งถูกนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เช่น สบู่ แชมพู และครีมบำรุงผิวพรรณชนิดต่างๆ
ส่วนประกอบของน้ำผึ้งจากธรรมชาติ
น้ำผึ้ง เป็นผลิตผลของน้ำหวาน (nectar) จากดอกไม้ และจากแหล่งน้ำหวานอื่นๆ เช่น น้ำหวานจากเพลี้ย ที่ผึ้งไปเก็บมา ผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี และกายภาพบางประการ แล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง โดยน้ำผึ้งจะประกอบด้วย
1. น้ำ เป็นส่วนประกอบไม่เกิน 20% 2. คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่มากที่สุด คือ มีปริมาณ 79% ในรูปของน้ำตาลฟรุกโทส และกลูโคส โดยมีปริมาณน้ำตาลฟรุกโทส มากกว่าน้ำตาลกลูโคสเล็กน้อย ทำให้น้ำผึ้งไม่ตกผลึก และมีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่น 3. กรด มีประมาณ 0.5% ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย โดยกรดที่พบมากคือ กรดกลูโคนิก 4. แร่ธาตุ มีประมาณ 0.5% ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก แมงกานีส ทองแดง โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้มจะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มีสีอ่อน 5. วิตามิน เช่น วิตามินบี 1,2 และ 6 วิตามินซี เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของน้ำผึ้งอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือ ชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งได้ไป รวมถึงแหล่งของพืชและพื้นดินนั้น ๆ ที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่ด้วย