แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ครีมบำรุงผิวดีที่สุด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ครีมบำรุงผิวดีที่สุด แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2561

Atomy Absolute Skin Care set

                      


' อะโทมี่ แอบโซลูท สกินแคร์ เซ็ต '
หยุดกาลเวลาแห่งผิวด้วย CellActive เทคโนโลยี ที่ช่วยบำรุงผิวและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น พร้อมกลิ่นหอมจากดอกซ่อนกลิ่น ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น
อะโทมี่ แอบโซลูท เซ็ต ประกอบด้วย อะไรบ้าง?
1. อะโทมี่ แอบโซลูท โทนเนอร์
ใช้บำรุงผิวหน้าหลังทำความสะอาดใบหน้า ปรับสีผิวพร้อมเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสเป็นธรรมชาติ
2. อะโทมี่ แอบโซลูท เซรั่ม
เซรั่มระดับพรีเมียมที่มีความเข้มข้น ทำให้ผิวหน้ากระชับและยืดหยุ่นด้วยเทคโนโลยี Micro Emulsion
3. อะโทมี่ แอบโซลูท นูทริชั่น ครีม
ช่วยยะกระชับผิวหน้าให้กลับมาเต่งตึงและยืดหยุ่นอีกครั้ง
4. อะโทมี่ แอบโซลูท แอมพูล
ด้วยเทคโนโลยี De-Aging ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและชะลอความแก่ ประกอบด้วย CellActive Code ในการแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด
5. อะโทมี่ แอบโซลูท อาย-คอมเพล็กซ์
ช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา
6. อะโทมี่ แอบโซลูท โลชั่น
ด้วยเนื้อโลชั่นที่มีความอ่อนโยน ทำให้ผิวดูมีชีวิตชีวา
ดูรายละเอียด ที่นี่ค่ะ

Atomy
ผลิตภัณฑ์เกาหลีที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั่วโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomyได้วันนี้คลิกที่นี่ 
หรือ แอดไลน์ มาที่นี่ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ATOMY แนะนำ...Trick การอ่านฉลากเครื่องสำอางภาษาอังกฤษ

ในสมัยนี้เครื่องสำอางหรือเครื่องประทินผิวต่างๆ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว “ฉลากเครื่องสำอาง” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อเครื่องสำอางให้ตรงกับความต้องการของเรา
แต่ฉลากเครื่องสำอางส่วนใหญ่มักเป็นภาษาอังกฤษ แม้จะมีฉลากภาษาไทยอยู่บ้างก็ไม่ละเอียด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนละเลยที่จะอ่าน วันนี้เราจึงได้นำวิธีการง่ายๆและ Tricks เล็กๆน้อยๆในการอ่านฉลาก “เครื่องสำอางภาษาอังกฤษ” มาฝากค่ะ

Trick ข้อที่ 1: อันดับแรก… อย่าลืมดูวันหมดอายุ

ไม่ว่า Cosmetic หรือ Skincare ชิ้นนั้นจะมีส่วนผสมที่ดีเลิศขนาดไหน  แต่ถ้าหมดอายุก็คงไร้ความหมาย   ดังนั้นปราการด่านแรกที่เราควรอ่านเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางสักชิ้นก็คือ “วันหมดอายุ” ซึ่งมักเขียนคู่อยู่กับวันผลิต และมักจะเขียนด้วยตัวย่อภาษาอังกฤษ  จึงทำให้หลายคนงงว่า อักษรย่อตัวไหนคือวันหมดอายุหรือวันผลิตกันแน่ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจข้อนี้กันค่ะ
วันหมดอายุ มีตัวย่อคือ EXP หรือ Exp. date ย่อมาจาก Expiry date หรือ Expiration date ซึ่งหมายถึง วันหมดอายุนั่นเอง ส่วนอีกคำหนึ่งที่มักอยู่คู่กันคือ MFG ย่อมาจากคำว่า Manufacturing date แปลว่าวันที่ผลิต ซึ่งสินค้าบางชนิด โดยเฉพาะเครื่องสำอาง มักระบุมาเฉพาะวันที่ผลิต เลยทำให้เกิดความสับสนของผู้ซื้อว่า ตัวเลขที่ระบุมาเป็นวันหมดอายุหรือวันที่ผลิตกันแน่
เรามี Tricks ง่ายๆในการจำมาฝากค่ะ  โดยให้ยึดตัว M เป็นหลัก คิดซะว่า M ย่อมาจาก Made ซึ่งแปลว่า “ทำ” ดังนั้นถ้ามีตัวย่อ M ให้คิดไว้เลยว่าต้องหมายถึงวันที่ผลิตแน่นอน

⇇ แต่อายุการใช้งานก็ตามรูปด้านซ้ายนะคะ ว่าเราควรจะโยนมันทิ้งหลังจากใช้ไปได้นานเท่าไหร่

Trick ข้อที่ 2 : active ingredient เครื่องสำอางจะได้ผลหรือไม่ให้ดูตรงนี้!!

active ingredient ก็คือ สารออกฤทธิ์ในเครื่องสำอาง  ลองสังเกตดูดีจะพบว่า เครื่องสำอางเกือบทุกชนิด มีส่วนผสมอันดับแรกเป็นน้ำ water / Aqua (คำว่า Aqua เป็นรากศัพท์ที่มาจากภาษาละตินซึ่งหมายถึง ที่เกี่ยวกับน้ำ หากเราทราบและจำรากศัพท์ได้เยอะ ก็จะดีที่จะช่วยเราในการเดาความหมายของคำศัพท์) ซึ่งจะช่วยในการทำละลายและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตามมาด้วยสารเคมีอีกกลุ่ม และมีชื่อสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างคำว่า Lemon Extract, Orange Extract , Ginger Extract คำว่า Extract หมายถึง สกัดออกมา
ดังนั้นคำที่ลงท้ายด้วย Extract จึงหมายถึงสารสกัดจากพืชชนิดนั้นๆส่วนสาวๆที่อยากมีผิวขาวใส  ลองมองหาส่วนผสมพวก ascorbic acid (วิตามินซี), (licorice extract) สารสกัดจากชะเอมเทศ, alpha hydroxyl acid (กรดผลไม้) หรือ Niacin amide (วิตามินบี) ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยผลัดเซลผิวหรือช่วยลดการสร้างเมลานินของผิวได้

นอกจากนี้ เครื่องสำอางทุกชนิดย่อมใส่สารกันบูด ซึ่งสามารถสังเกตได้จากคำว่า Preservative สารกันบูดก็มีหลายชนิดในท้องตลาด ทั้งแบบ Synthetic Preservatives ที่แปลว่าสารสังเคราะห์  และแบบ Natural Preservative  ซึ่งแปลว่าสกัดจากมาจากพืช หากเราสามารถเลือกชนิดที่มาจากธรรมชาติได้ ก็ย่อมปลอดภัยกับผิวมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Atomy แนะนำ..เคล็ดลับที่ช่วยให้สกินแคร์บำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด



 
1. ขัดผิวซะก่อน เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะเป็นเหมือนเกราะกำบังที่ทำให้สกินแคร์ซึมซาบลงสู่ชั้นผิวหนังได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงควรสครับผิวอย่างน้อยทุกสัปดาห์ควบคู่ไปกับขั้นตอนทำความสะอาดผิว
2. เรียงลำดับขั้นตอน ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั้นควรจะเป็นตัวส่งผ่านไปยังผิวก่อน ดังนั้น ในการใช้สกินแคร์จึงต้องเรียงลำดับโดยเลือกใช้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่บางสุด เช่น เอสเซนส์หรือเซรั่ม แล้วค่อยตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่เนื้อเข้มข้นขึ้นอย่างโลชั่นหรือครีม
3. ใช้ทันทีหลังล้างหน้า ผิวที่เปียกชื้นนั้นก็เป็นเหมือนฟองน้ำที่จะสามารถซึมซับน้ำได้ดี การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดๆ ก็ตามจะได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อผิวหน้ายังคงความชื้น (ไม่ใช่เปียกนะ) แต่วิธีนี้อย่านำไปใช้กับการทาครีมกันแดดล่ะ เพราะอาจจะเกิดคราบได้
4. วอร์มผิวก่อน หากคุณใช้น้ำที่มีความอุ่นเล็กน้อยล้างหน้า จะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังและเป็นการเปิดรูขุมขน เพิ่มพื้นที่ให้เซลล์ผิวหนังดูดซับคุณค่าจากผลิตภัณฑ์ได้ เมื่อทาสกินแคร์ต่างๆ ลงไปบนผิวที่ยังชื้น มันก็จะทำงานได้ดีขึ้น

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Atomy แนะนำ...รู้จักวิธีกิน...เพื่อหน้าเด้ง



คอลลาเจนเป็นโครงสร้างหลัก และเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่อยู่ชั้นล่างสุดของผิวหนังคนเรา มันจึงจำเป็นต้องเก็บรักษาความอ่อนนุ่มชุ่มชื่นของผิวไว้ทั้งหมด มันจึงเปรียบเสมือนฟูกหรือเบาะนุ่ม ๆ ในขณะที่คุณอายุน้อยเบาะนี้จะเป็นตัวสร้างความยืดหยุ่น แต่เมื่อไหร่ที่คุณอายุมากมันจะเริ่มหย่อนลงเล็กน้อย

             และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากเรื่องของอายุและปริมาณของคอ ลลาเจนที่มีอยู่ในผิวหนัง เกิดการสลายตัว ขณะเดียวกันก็ถูกให้หนาแน่นขึ้นเช่นกัน

             ในวัยหนุ่มสาวสุขภาพผิวของคนเราจะมีเส้นใยคอลลาเจนลอยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเส้นใยเหล่านี้จะเป็นตัวที่คอยดึงความยืดหยุ่นของผิวให้กลับมาสู่จุด เดิม  หลังจากการที่เรายิ้มหรือหน้าบึ้ง  แต่เมื่อไรที่คอลลาเจนเริ่มเสื่อมสลาย ผิวหนังของเราก็จะสูญเสียความยืดหยุ่น และไม่สามารถเด้งกลับมาสู่จุดเดิมได้ จึงเป็นที่มาของรอยเหี่ยวย่นนั่นเอง

             ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มาจากความจริงที่ว่า เมื่อ เราอายุ 25 ปีขึ้นไป เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนลดน้อยลง โดยปกติแล้วการลดลงของเบาะหรือฟูก นิ่มนี้ จะทำให้เกิดร่องในชั้นผิว และเมื่อชั้นผิวเกิดร่องมันก็จะไม่กักเก็บความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ และไม่สามารถส่งต่อความชุ่มชื้นไปสู่ผิวชั้นบนสุดได้ หรือที่มักเข้าใจได้ดีว่าผิวเกิดรอยเหี่ยวย่นนั่นเอง

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

16 วิธีลดเซลลูไลท์ (Cellulite) & 14 สาเหตุการเกิดเซลลูไลท์ !!

เซลลูไลท์


เซลลูไลท์ หรือ เซลลูไลต์ (Cellulite) หรือที่บ้างเรียกว่า “ผิวเปลือกส้ม” คือ เซลล์ไขมันที่เคลื่อนตัวสูงขึ้นมาสะสมอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง มีลักษณะขรุขระเป็นตะปุ่มตะป้ำคล้ายกับผิวเปลือกส้มหรือผิวมะกรูด มักพบได้บ่อยบริเวณต้นขา สะโพก ต้นแขน และหน้าท้อง บางคนขึ้นเป็นลอน ๆ เพราะมีไขมันสะสมเป็นก้อนผสมอยู่กับของเสียและน้ำปะปนอยู่ในถุงนั้น ซึ่งในแต่ละก้อนไขมันจะมีเปลือกเหนียว ๆ ห่อหุ้มอยู่ จึงทำให้มองจากภายนอกแล้วเห็นเป็นลอนของไขมัน โดยเซลลูไลท์จะแตกต่างจากไขมันธรรมดาในร่างกายที่เราสามารถกำจัดออกไปได้ง่าย ๆ ด้วยการออกกำลังกาย แต่เซลลูไลท์ไม่สามารถกำจัดออกได้ง่ายเช่นนั้น เพราะต้องอาศัยทั้งการนวดผิวหนังร่วมกับการบริการ การออกกำลังกาย และควบคุมอาหารร่วมด้วย จึงจะสามารถกำจัดเซลลูไลท์ออกไปอย่างได้ผล
ปัญหาเซลลูไลท์ ไม่ได้พบบ่อยเฉพาะกับคนอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ในผู้หญิงผอม ๆ บางคนก็ยังมีเซลลูไลท์ด้วยเช่นกัน ส่วนในผู้ชายนั้นจะมีไขมันน้อยกว่าผู้หญิง และส่วนใหญ่ก็เป็นกล้ามเนื้อ ปัญหาเซลลูไลท์จึงพบได้น้อยกว่าผู้หญิง ยกเว้นกับผู้ชายบางคนที่อ้วนมาก ๆ ก็มีเซลลูไลท์ได้เหมือนกัน ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 20 ปี กว่าร้อยละ 90 มักจะเริ่มมีอาการสะสมของเซลลูไลท์ ส่วนปัจจัยทางพันธุกรรมและเชื้อชาติก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่างคนยุโรปจะมีเซลลูไลท์มากกว่าคนเอเชีย
แบบไหนที่เรียกว่ามีเซลลูไลท์ ?
ให้คุณลองเช็คด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยการเอามือตับส่วนหน้าท้องออกมาดูสักครึ่งนิ้ว หรือหงายท้องแขนแล้วใช้มืออีกข้างจับดึงชั้นไขมันท้องแขนออกมาให้ตึง หากพบว่าผิวของเรามีลักษณะคล้ายผิวส้มหรือผิวมะกรูด ก็นั่นแหละคือ “เซลลูไลท์” หากปล่อยทิ้งไว้ นานวันเข้ามันก็จะเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องจับหรือบีบดู
วิธีลดเซลลูไลท์ต้นขา

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

Atomy แนะนำ..เคล็ดลับผิวสวย นอกเหนือจากการใช้ครีมบำรุง

          
           เมื่อพูดถึงการบำรุงผิวให้สวย ส่วนใหญ่เรามักนึกถึงการบำรุงจากภายนอกอย่างการทาครีม ทาโลชั่น สครับผิว มาส์กหน้า แต่ว่าผิวของสาว ๆ จะสวยอย่างสมบูรณ์แบบได้ ไม่ได้มาจากสิ่งเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังต้องมาจากการบำรุงจากภายใน และพฤติกรรมที่ส่งผลเกี่ยวกับผิวอื่น ๆ อีก

       ลดความหวาน


          คุณไม่จำเป็นต้องงดของหวานไปเสียทั้งหมด แต่ให้ระวังเรื่องการบริโภคน้ำตาลมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการฟอกขาวนั้น เป็นตัวขัดขวางกระบวนการทำงานของคอลลาเจน ทำให้ผิวของคุณดูโทรม ขาดความยืดหยุ่น และนุ่มนวล


       ทานอาหารอุดมด้วยโอเมก้า 3


          ทั้งเมล็ดแฟล็กซ์ น้ำมันปลา หรือว่าอาหารเสริมที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ล้วนมีประโยชน์ต่อไขมันที่ดีในผิวหนัง ทำให้ผิวมีสุขภาพดี จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวแห้ง หรือมีปัญหาสิว ซึ่งผู้ที่รับประทานแต่ผักหรือเป็นมังสวิรัติมักขาดโอเมก้า 3 ในปริมาณที่พอเพียง


       บริโภควิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม


          เป็นที่ทราบกันดีว่าวิตามินซีนั้นช่วยชะลอการเสื่อมโทรมของผิว ช่วยให้ผิวห่างไกลจากปัญหาริ้วรอย และปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นอย่าลืมรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซีอย่างฝรั่ง หรือผลไม้รสเปรี้ยวเป็นประจำนะคะ



วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy แนะนำ.........เคล็ดลับผิวสวย มาส์กหน้าเพื่อผิวขาวใส ด้วยส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ



          วิธีบำรุงผิวที่ง่าย รวดเร็วทันใจ และเห็นผลได้ไวที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นการมาส์กหน้าแน่นอนเลยค่ะ แค่นำมาส์กสูตรที่คุณชอบมาแปะทิ้งไว้ หลับตาพักผ่อนไปสัก 10-15 นาที จากนั้นก็นำแผ่นมาส์กออก แล้วก็จะพบกับผิวหน้าที่เหมือนเกิดใหม่ ทั้งชุ่มชื้นและดูกระจ่างใสขึ้น แต่เผอิญว่ามาส์กดี ๆ ยี่ห้อประจำของคุณนั้นก็แพงเกินกว่าจะซื้อมาใช้ได้บ่อย ๆ (มาส์กบางยี่ห้อ แค่แผ่นเดียวก็ราคาเท่ากับกินข้าวได้ 2 มื้ออิ่ม ๆ เลยทีเดียวนะ) ถ้าอย่างนั้นเรามาผสมมาส์กสูตรผิวขาวใสใช้เองกันดีกว่าค่ะ แถมยังใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอีกด้วยนะ ถูกใจสาว ๆ ที่อยากมีผิวใสกันแน่ ๆ เลยค่ะ

     1. น้ำมะนาว - น้ำผึ้ง

          ผสมน้ำมะนาวกับน้ำผึ้งในสัดส่วน 2:1 จากนั้นเติมน้ำที่ได้จากกการคั้นเนื้อแตงกวาลงไปอีก 3-4 หยด ทาลงบนหน้าที่สะอาด ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

     2. ขมิ้น - โลชั่นน้ำนม
          สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว ผสมผงขมิ้นเล็กน้อยเข้ากับโลชั่นน้ำนม คนให้เข้ากัน แล้วทาทิ้งไว้บนใบหน้า 20 นาที จากนั้นจึงล้างออก ผิวจะนุ่มนิ่ม และดูใสนวลเนียน

     3. น้ำมันฝรั่ง - วิตามินอี
          มาส์กชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานวิตามินอีเสริมชนิดแคปซูลอยู่แล้ว โดยนำผงวิตามินอีจากในแคปซูลมาผสมกับน้ำที่คั้นมาจากมันฝรั่ง ให้ได้ส่วนผสมที่ขุ่น และดูข้นขึ้นเล็กน้อย ทาทิ้งไว้ที่ผิวจนแห้ง แล้วจึงล้างออก นอกจากจะผิวจะกระจ่างใส จุดด่างดำดูจางลงแล้ว ยังทำให้ผิวดูเปล่งประกายสุขภาพดีด้วย

     4. น้ำมันมะกอก - ผงเปลือกส้ม 
          สารจากเปลือกส้มช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้นได้ นำผงที่ได้จากการบดเปลือกส้มแห้ง ผสมกับน้ำมันมะกอกทีละหยด จนได้ส่วนผสมที่ข้นหนืด ทาลงที่ผิวหน้า ทิ้ง 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น นอกจากผิวจะใสแล้ว ยังนุ่มขึ้นด้วยค่ะ


Atomy..แนะนำ......รับประทานอาหารอย่างไรให้ผิวขาว

     

สำหรับสาวๆที่มีผิวคล้ำหลายคน คงจะหาทุกวิถีทาง เพื่อที่จะทำให้ผิวของคุณดูขาวขึ้น บางคนถึงกับต้องพึ่งสารเคมี เช่น การฉีดผิวขาว การกินยาผิวขาว หรืออื่นๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีทั้งหลาย รู้หรือไม่ว่า เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก ถึงแม้ว่าคุณสาวๆจะมีผิวที่ไม่ขาว ถึงอย่างไรก็ยังมีอาหารจากธรรมชาติ ซึ่งทำให้คุณผิวขาวได้อย่างง่ายๆ นั่นคือ

น้ำมะพร้าว ลูกกลมๆมีน้ำข้างในอย่างลูกมะพร้าว น้ำของมันมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากในน้ำมะพร้าวจะมีสารเอสโตรเจนที่ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึงทำให้ผิวพรรณของคุณเนียนใส ดูมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น

ชาเขียว เป็นน้ำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก จึงมีส่วนช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายทำให้ผิวสวยสดใส ทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันฟันผุได้อย่างดี
ธัญพีช ที่มีอยู่ทั่วไปลและหาง่าย เช่น ถั่วทุกชนิด ซึ่งนอกจากจะให้สารอาหารครบถ้วนทั้งวิตามิน โปรตีน และ เกลือแร่แล้ว เหล่าบรรดาข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี งา ต่างๆ ยังมีไฟเบอร์ที่ช่วยขับสารพิษสะสมในร่างกาย ช่วยให้ผิวขาวสว่างใสอีกด้วย

นมถั่วเหลือง ซึ่งนอกจากจะมีไอโซเฟลโวน ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีวิตามินแทบทุกชนิดที่ให้คุณประโยชน์ดี ๆ กับผิวพรรณและร่างกาย ไขมันน้อย สำหรับใครที่อยากขาวและอยากลดความอ้วนคงต้องพึ่งนมถั่วเหลืองจะช่วยได้มากๆเลย



ปลาทะเลน้ำลึก นอกจากจะมีโปรตีน และ กรดอะมิโนจำเป็นจากปลาทะเลน้ำลึกแล้ว ยังจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อ ในร่างกาย ทำให้ผิวอ่อนเยาว์เปล่งปลั่ง อาทิ ปลาแซลมอน และ ปลาทูน่า เป็นต้น

ผักและผลไม้ สิ่งเหล่านี้มีเบต้าแคโรทีน และวิตามิน ซี อีสูงที่ช่วยในการลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวพรรณตึงกระชับสดใสมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าคุณประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้มีมากแค่ไหน ซึ่งในยุคปัจจุบัน ได้มีครีมบำรุงผิวมากมายได้นำเอาสารสกัดจากผักและผลไม้มาใช้กัน เพื่อความสวยความงานของคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ




แบ่งปันความรู้โดย


Atomy ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั่วโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomyได้วันนี้คลิกที่นี่

หรือ แอดไลน์ มาที่นี่ค่ะ





วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy แนะนำ...เคล็ดลับดูแลผิวสวยด้วยธรรมชาติ

ผู้หญิงทุกคนต้องการเป็นเจ้าของเรือนร่างและผิวพรรณที่สดใส จึงได้พยายามแสวงหาเทคโนโลยีต่างๆ มาเป็นเครื่องดูแลผิว แต่ความจริงแล้วเคล็ดลับต่างๆ นั้นหาได้จากธรรมชาติรอบๆ ตัวเรานี่เอง เพียงแต่ต้องใส่ใจกับผิวพรรณ แล้วเราจะได้เป็นเจ้าของสุขภาพที่ดีไปด้วย
 9 โซนสำคัญ กับสุขภาพผิวหน้า  

     ศาสตร์ของจีนโบราณเชื่อว่า ปัญหาสภาพผิวหน้าจากภายนอกสามารถสะท้อนถึงสุขภาพของระบบต่างๆ ภายในร่างกายได้ ดังนั้น เทรนด์ใหม่ของการบำรุงผิวหน้าที่เรียกว่า “เฟส แม็ปปิ้ง” จึงเน้นวิเคราะห์สุขภาพผิวหน้าควบคู่ไปกับปัญหาของสุขภาพร่างกายด้วยเช่นกัน โดยแบ่งความสัมพันธ์ของผิวหน้าและระบบต่างๆ ทั่วร่างกายออกเป็น 9 โซน

   “หน้าผาก” สัมพันธ์กับระบบการย่อยอาหารและกระเพาะปัสสาวะ หากผิวบริเวณนี้เกิดสิวอักเสบ หรือผิวหน้าแห้งกร้านบ่อยๆ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย พร้อมทั้งหมั่นออกกำลังกาย และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

Atomy.. แนะนำ….ประโยชน์ของน้ำผึ้ง


***********************************************



น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง (Honey) คือผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่งอื่นๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้นๆ จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกส้ม ดอกลำไย ดอกลิ้นจี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มนานาชนิด
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง นั้นมีมากมาย เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่นๆที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

  1. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
  2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
  3. ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  4. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ
  5. พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่นและนุ่มนวล หลังล้างหน้าเสร็จให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
  6. ช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าที่แห้งแตกลอกเป็นขุย ด้วยการนำไข่แดง 1 ฟองผสมกับน้ำผึ้งผสม 1 ช้อน คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
  7. ช่วยบำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
  8. ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนัง
  9. ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสวยเงางาม หลังสระผมเสร็จให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก
  10. ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
  11. ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตันบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
  12. นิยมนำมาใช้ผสมในเครื่องต่างๆ เช่น นม ชา กาแฟ โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งเบียร์หรือไวน์
  13. นำมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ธัญญพืชต่างๆ
  14. ใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดในน้ำสลัด ซึ่งจะทำให้น้ำสลัดไม่เสียและเก็บได้นานถึง 9 เดือน
  15. น้ำผึ้งสามารถนำแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลายเช่น มาส์กหน้า สบู่ เจลล้างหน้า สครับ เป็นต้น
  16. น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
  17. ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้านทานโรคต่างๆได้ดี
  18. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
  19. ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  20. ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
  21. ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ
  22. ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆให้ดีขึ้น
  23. ช่วยในควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
  24. ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย ด้วยการใช้น้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว แล้วบีบมะนาว ๅ ซีก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเติมน้ำร้อนดื่ม
  25. ช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น
  26. น้ำผึ้งสามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดในเด็กได้ดีกว่ายาแก้ไอ
  27. ช่วยรักษาอาการเมาค้าง
  28. ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
  29. น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยาระงับประสาทอ่อนๆ จึงช่วยลดอาการหงุดหงิด ความกังวลได้
  30. ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ และช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น
  31. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้น้ำผึ้งและงาดำอย่างละ 50 กรัม โดยนำงาดำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้ง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
  32. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้สาลี่หอมจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม โดยปอกลูกสาลี่แล้วนำมาตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว แล้วนำมาผสมกับน้ำกิน
  33. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง
  34. ช่วยบำรุงหัวใจ ขับชีพจร และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
  35. ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ
  36. ช่วยระงับความร้อนในร่างกาย
  37. ช่วยรักษาอาการตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น กระจกตาอักเสบ เยื่อตาอักเสบ เป็นต้น
  38. ช่วยบรรเทาอาการไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ ด้วยการชงดื่มกับน้ำมะนาว
  39. น้ำผึ้งช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะน้ำผึ้งจะถูกดูดซึมทันทีเมื่อถึงลำไส้ ซึ่งต่างจากน้ำตาลชนิดอื่น
  40. ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
  41. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง
  42. ช่วยแก้อาการท้องเดิน และช่วยบำรุงลำไส้ที่อักเสบให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
  43. ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา (Candida) ได้ดีพอๆกับยาฆ่าเชื้อแผนปัจจุบัน
  44. ช่วยแก้อาการเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ เพราะช่วยดูดความชื้นและช่วยอุ้มน้ำไว้
  45. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำกระเทียมผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
  46. ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ ด้วยการใช้น้ำส้มนำมาผสมกับแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละสองครั้ง
  47. ช่วยแก้อาการตะคริว หรือป้องกันการเป็นตะคริว
  48. ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มกับน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกลงได้
  49. ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล
  50. ช่วยป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลและช่วยให้แผลหายเร็ว
  51. ช่วยรักษาโรคฮ่องกงฟุต และกลาก เกลื้อน
  52. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและต่อต้านจุลินทรีย์
  53. ช่วยแก้ปัญหาเด็กแหวะนม โดยใช้น้ำผึ้งผสมกับนมดื่ม
  54. ใช้เป็นน้ำกระสายยา
    แบ่งปันความรู้โดย

    Atomy ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั่วโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomyได้วันนี้คลิกที่นี่

    หรือ แอดไลน์ มาที่นี่ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy แนะนำเกี่ยวกับ….ฝ้า (Melasma) ปัญหาสุดกลุ้มของผิวพรรณ

Atomy ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั้งโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomy ได้วันนี้คลิกที่นี่
*********************************************

ฝ้า

ฝ้า (Melasma) ปัญหาสุดกลุ้มของผิวพรรณ ที่เรียกได้ว่าเป็นญาติสนิทกับรอยกระ เพราะกระบวนการเกิดนั้นคล้ายคลึงกันมาก แต่ฝ้าจะมีบริเวณที่กว้างกว่า มองเห็นได้ชัดกว่า สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนองใบหน้า แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีฝ้าบริเวณโหนกแก้ม โดยตัวเลขเฉลี่ยของคนที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่จะเริ่มจากวัย 30 ปีขึ้นไป

สาเหตุการเกิดฝ้า

ฝ้าเกิดจากอะไร ? ฝ้า หรือ Melasma เกิดจากการที่เม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานมากเกินไป จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องมาจากเจ้าเม็ดสีเมลานินนั้นมีหน้าที่กรองรังสียูวี เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย โดยรังสีที่มีผลต่อการเกิดฝ้าคือ “รังสี UVA” ซึ่งรังสียูวีเอจะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสียูวีบี จึงสามารถทำลายผิวได้ลึก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อตากแดดนานๆ แล้วผิวถึงคล้ำเสียได้ และนอกจากแสงแดดแล้ว เรื่องของการใช้เครื่องสำอางบางชนิด การทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด รวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน (ถ้าสาเหตุการเกิดฝ้ามาจากกรรมพันธุ์ โอกาสฝ้าจะกลับมาเกิดซ้ำจะมีสูงมาก และปริมารอาจเท่าเดิมหรือลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย จึงไม่คุ้มค่ากับการทุ่มเงินรักษาเท่าไหร่)

ฝ้าต่างจากกระ “เพราะฮอร์โมน” ถ้าเป็นกระส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากแสงแดด ความร้อน และอายุ แต่ในกรณีของฝ้ามักจะมีปัจจัยฮอร์โมนเข้ามาค่อนข้างเยอะ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอย่างรวดเร็วตอนตั้งครรภ์ รวมไปถึงการที่ฮอร์โมนลดลงอย่างรวดเร็วก็ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน อย่างช่วงการเข้าสู่วัยทอง และวัยหมดประจำเดือน เป็นต้น

ประเภทของฝ้า

  • ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน
  • ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ความลึกของมันจะทำให้เกิดการแสดงสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลงเท่านั้น

วิธีรักษาฝ้าโดยธรรมชาติ(ถ้าคุณมีเวลา)

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy..แนะนำ….บ่มผิวให้สวยเนียนด้วยน้ำผึ้ง-Propolis



น้ำผึ้ง ถือเป็นยาอายุวัฒนะที่ได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่ยุคโบราณ ชาวกรีกจะดื่มน้ำผึ้งก่อนลงแข่งกีฬาโอลิมปิก เพราะเชื่อว่า น้ำผึ้งช่วยขจัดความเมื่อยล้าได้ ชาวอียิปต์ได้ใช้น้ำผึ้งช่วยสมานแผลในการผ่าตัด เพื่อฆ่าเชื้อโรค รวมไปถึงการทำมัมมี่เพื่อช่วยรักษาสภาพร่างกายของมัมมี่ให้คงอยู่ทนนาน นอกจากนี้น้ำผึ้งยังเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ถูกใช้เพื่อความงามมา ตั้งแต่สมัยโบราณ และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบันอย่างแพร่หลายอย่างที่เห็นกันในโฆษณาโทรทัศน์ น้ำผึ้งถูกนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เช่น สบู่ แชมพู และครีมบำรุงผิวพรรณชนิดต่างๆ

ส่วนประกอบของน้ำผึ้งจากธรรมชาติ

น้ำผึ้ง เป็นผลิตผลของน้ำหวาน (nectar) จากดอกไม้ และจากแหล่งน้ำหวานอื่นๆ เช่น น้ำหวานจากเพลี้ย ที่ผึ้งไปเก็บมา ผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี และกายภาพบางประการ แล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง โดยน้ำผึ้งจะประกอบด้วย

1. น้ำ เป็นส่วนประกอบไม่เกิน 20% 2. คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่มากที่สุด คือ มีปริมาณ 79% ในรูปของน้ำตาลฟรุกโทส และกลูโคส โดยมีปริมาณน้ำตาลฟรุกโทส มากกว่าน้ำตาลกลูโคสเล็กน้อย ทำให้น้ำผึ้งไม่ตกผลึก และมีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่น 3. กรด มีประมาณ 0.5% ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย โดยกรดที่พบมากคือ กรดกลูโคนิก 4. แร่ธาตุ มีประมาณ 0.5% ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก แมงกานีส ทองแดง โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้มจะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มีสีอ่อน 5. วิตามิน เช่น วิตามินบี 1,2 และ 6 วิตามินซี เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของน้ำผึ้งอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือ ชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งได้ไป รวมถึงแหล่งของพืชและพื้นดินนั้น ๆ ที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่ด้วย