แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ครีมรักษาฝ้าที่ดีที่สุด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ครีมรักษาฝ้าที่ดีที่สุด แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy.. แนะนำ….ประโยชน์ของน้ำผึ้ง


***********************************************



น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง (Honey) คือผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่งอื่นๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้นๆ จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกส้ม ดอกลำไย ดอกลิ้นจี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มนานาชนิด
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง นั้นมีมากมาย เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่นๆที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

  1. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
  2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
  3. ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  4. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ
  5. พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่นและนุ่มนวล หลังล้างหน้าเสร็จให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
  6. ช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าที่แห้งแตกลอกเป็นขุย ด้วยการนำไข่แดง 1 ฟองผสมกับน้ำผึ้งผสม 1 ช้อน คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
  7. ช่วยบำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
  8. ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนัง
  9. ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสวยเงางาม หลังสระผมเสร็จให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก
  10. ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
  11. ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตันบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
  12. นิยมนำมาใช้ผสมในเครื่องต่างๆ เช่น นม ชา กาแฟ โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งเบียร์หรือไวน์
  13. นำมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ธัญญพืชต่างๆ
  14. ใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดในน้ำสลัด ซึ่งจะทำให้น้ำสลัดไม่เสียและเก็บได้นานถึง 9 เดือน
  15. น้ำผึ้งสามารถนำแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลายเช่น มาส์กหน้า สบู่ เจลล้างหน้า สครับ เป็นต้น
  16. น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
  17. ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้านทานโรคต่างๆได้ดี
  18. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
  19. ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  20. ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
  21. ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ
  22. ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆให้ดีขึ้น
  23. ช่วยในควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
  24. ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย ด้วยการใช้น้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว แล้วบีบมะนาว ๅ ซีก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเติมน้ำร้อนดื่ม
  25. ช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น
  26. น้ำผึ้งสามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดในเด็กได้ดีกว่ายาแก้ไอ
  27. ช่วยรักษาอาการเมาค้าง
  28. ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
  29. น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยาระงับประสาทอ่อนๆ จึงช่วยลดอาการหงุดหงิด ความกังวลได้
  30. ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ และช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น
  31. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้น้ำผึ้งและงาดำอย่างละ 50 กรัม โดยนำงาดำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้ง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
  32. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้สาลี่หอมจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม โดยปอกลูกสาลี่แล้วนำมาตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว แล้วนำมาผสมกับน้ำกิน
  33. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง
  34. ช่วยบำรุงหัวใจ ขับชีพจร และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
  35. ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ
  36. ช่วยระงับความร้อนในร่างกาย
  37. ช่วยรักษาอาการตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น กระจกตาอักเสบ เยื่อตาอักเสบ เป็นต้น
  38. ช่วยบรรเทาอาการไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ ด้วยการชงดื่มกับน้ำมะนาว
  39. น้ำผึ้งช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะน้ำผึ้งจะถูกดูดซึมทันทีเมื่อถึงลำไส้ ซึ่งต่างจากน้ำตาลชนิดอื่น
  40. ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
  41. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง
  42. ช่วยแก้อาการท้องเดิน และช่วยบำรุงลำไส้ที่อักเสบให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
  43. ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา (Candida) ได้ดีพอๆกับยาฆ่าเชื้อแผนปัจจุบัน
  44. ช่วยแก้อาการเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ เพราะช่วยดูดความชื้นและช่วยอุ้มน้ำไว้
  45. ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำกระเทียมผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
  46. ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ ด้วยการใช้น้ำส้มนำมาผสมกับแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละสองครั้ง
  47. ช่วยแก้อาการตะคริว หรือป้องกันการเป็นตะคริว
  48. ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มกับน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกลงได้
  49. ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล
  50. ช่วยป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลและช่วยให้แผลหายเร็ว
  51. ช่วยรักษาโรคฮ่องกงฟุต และกลาก เกลื้อน
  52. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและต่อต้านจุลินทรีย์
  53. ช่วยแก้ปัญหาเด็กแหวะนม โดยใช้น้ำผึ้งผสมกับนมดื่ม
  54. ใช้เป็นน้ำกระสายยา
    แบ่งปันความรู้โดย

    Atomy ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั่วโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomyได้วันนี้คลิกที่นี่

    หรือ แอดไลน์ มาที่นี่ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy แนะนำเกี่ยวกับ….ฝ้า (Melasma) ปัญหาสุดกลุ้มของผิวพรรณ

Atomy ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั้งโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomy ได้วันนี้คลิกที่นี่
*********************************************

ฝ้า

ฝ้า (Melasma) ปัญหาสุดกลุ้มของผิวพรรณ ที่เรียกได้ว่าเป็นญาติสนิทกับรอยกระ เพราะกระบวนการเกิดนั้นคล้ายคลึงกันมาก แต่ฝ้าจะมีบริเวณที่กว้างกว่า มองเห็นได้ชัดกว่า สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนองใบหน้า แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีฝ้าบริเวณโหนกแก้ม โดยตัวเลขเฉลี่ยของคนที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่จะเริ่มจากวัย 30 ปีขึ้นไป

สาเหตุการเกิดฝ้า

ฝ้าเกิดจากอะไร ? ฝ้า หรือ Melasma เกิดจากการที่เม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานมากเกินไป จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องมาจากเจ้าเม็ดสีเมลานินนั้นมีหน้าที่กรองรังสียูวี เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย โดยรังสีที่มีผลต่อการเกิดฝ้าคือ “รังสี UVA” ซึ่งรังสียูวีเอจะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสียูวีบี จึงสามารถทำลายผิวได้ลึก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อตากแดดนานๆ แล้วผิวถึงคล้ำเสียได้ และนอกจากแสงแดดแล้ว เรื่องของการใช้เครื่องสำอางบางชนิด การทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด รวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน (ถ้าสาเหตุการเกิดฝ้ามาจากกรรมพันธุ์ โอกาสฝ้าจะกลับมาเกิดซ้ำจะมีสูงมาก และปริมารอาจเท่าเดิมหรือลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย จึงไม่คุ้มค่ากับการทุ่มเงินรักษาเท่าไหร่)

ฝ้าต่างจากกระ “เพราะฮอร์โมน” ถ้าเป็นกระส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากแสงแดด ความร้อน และอายุ แต่ในกรณีของฝ้ามักจะมีปัจจัยฮอร์โมนเข้ามาค่อนข้างเยอะ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนอย่างรวดเร็วตอนตั้งครรภ์ รวมไปถึงการที่ฮอร์โมนลดลงอย่างรวดเร็วก็ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน อย่างช่วงการเข้าสู่วัยทอง และวัยหมดประจำเดือน เป็นต้น

ประเภทของฝ้า

  • ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน
  • ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ความลึกของมันจะทำให้เกิดการแสดงสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลงเท่านั้น

วิธีรักษาฝ้าโดยธรรมชาติ(ถ้าคุณมีเวลา)