วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Atomy แนะนำเกี่ยวกับ….รอยคล้ำใต้ตา(dark circles under eyes)


รอยคล้ำใต้ตา(dark circles under eyes)
รอยคล้ำใต้ตานี้มักเป็นลักษณะทางกรรมพันธุ์ และเป็นลักษณะเฉพาะของผิวหนังบริเวณใต้ตาซึ่งบางและมีไขมันน้อยมาก เม็ดเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดดำที่ใต้ผิวหนังบริเวณนี้ทำให้ผิวมีสีออกคล้ำได้ และบางครั้งหากขยี้ตาแรงๆ เม็ดเลือดแดงอาจรั่วออกมาจากหลอดเลือด และทำให้รอบตาคล้ำมากขึ้นได้
รอยคล้ำใต้ตานี้อาจจะยิ่งคล้ำขึ้นเวลาเหน็ดเหนื่อยพักผ่อนไม่เพียงพอ อดหลับอดนอน (หลายๆ ท่านทราบกันดีว่าถ้านอนดึกมากๆ วันรุ่งขึ้นตาจะเหมือนตาหมีแพนด้า) หรือยามที่ร่างกายขาดอาหาร มีภาวะโลหิตจางทำให้ซีด
ในผู้หญิงอาจพบว่ารอยคล้ำใต้ตาเด่นชัดขึ้นในช่วงระยะหลังของการตั้งครรภ์ หรือระหว่างมีประจำเดือน และยังพบว่ายิ่งมี อายุมากขึ้นจะยิ่งเป็นรอยคล้ำใต้ตามากขึ้น "ขอบตาดำ" นั่นน่ะ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
1.กรรมพันธุ์ ถ้าคนไทยมีขอบตาดำ แล้วลองหันไปมองญาติพี่น้อง พ่อแม่ของคุณดูว่าเป็นแบบเดียวกับที่คุณเป็นหรือไม่ ถ้าเป็นละก็ การรักษาและป้องกันอาจจะยากหน่อยนะ
2. เมลานินที่จมอยู่ใต้ผิว ทำให้ใต้ตามีสีที่เข้มกว่า เพราะการไหลเวียนของโลหิตไม่ดี ก็จะทำให้ดูเหมือนเป็นฝ้าดำตรงใต้ตา

3.ภูมิแพ้ คนที่เป็นภูมิแพ้ จะพบว่าเส้นเลือดดำที่อยู่รอบตาจะขยายใหญ่มากกว่าคนทั่วไป และเส้นเลือดดำเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นสาเหตุให้ขอบตาของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดูคล้ำกว่าคนทั่วไป
4.การระคายเคืองแถว ๆ รอบตา ก็สามารถทำให้ขอบตาคล้ำได้เช่นกัน โดยเฉพาะการขยี้ตาบ่อย ๆ เพราะการขยี้ตา จะกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้เพิ่มจำนวนขึ้นบริเวณนั้น หรือแม้แต่การแพ้ครีมทารอบดวงตา บางคนอาจแพ้สารบางอย่างในครีม ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า ใครจะแพ้สารตัวใด ใครบ้างที่จะเป็น ถ้ารู้ว่าแพ้คงต้องหยุดการทาครีมดังกล่าว ถ้าไม่ทราบอาจต้องพึ่งการทดสอบว่าแพ้สารที่ต้องสงสัยหรือไม่
5. อดนอน สาเหตุนี้พบบ่อยมากเลยทีเดียวในสภาพสังคมปัจจุบัน ใครที่รู้ตัวว่าอดนอนบ่อย ๆ หรือนอนดึก ก็ขอให้นอนเร็วขึ้น เพื่อที่ขอบตาจะได้ดูสดใสกว่าเดิม
6.เป็นปานโอตะ อย่าเพิ่งงงไปค่ะ ปานโอตะที่ว่านี้คือ เซลล์เม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังแท้ โดยพบในบางคนที่มีความผิดปกติที่เซลล์สร้างเม็ดสีอยู่ผิดที่ ซึ่งมักพบบริเวณรอบ ๆ ตา โดยมากมักจะเป็นข้างเดียว แต่มีบางคนอาจเป็นได้ทั้ง 2 ข้าง ทำให้ขอบตาดูเขียวคล้ำ
7.อายุ สาว ๆ ที่มีอายุมากขึ้น อาจเผชิญกับปัญหาขอบตาดำได้ เพราะผิวหนังจะเริ่มหย่อนคล้อยลง โดยเฉพาะตรงวงใต้ตาจะเห็นเป็นเงาและลึก ทำให้รอบดวงตาดูเป็นสีคล้ำอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
8.การไหลเวียนของโลหิตไม่ดีพอ หรือ การสูบฉีดไม่ทั่วถึงนั่นเอง ทำให้โลหิตคั่งตรงใต้ตาไม่กระจายไปที่อื่น พอนาน ๆ เข้า ใต้ตาจะทำให้เป็นสีเข้ม และเพราะผิวบริเวณใต้ตาบอบบางมาก ทำให้มองเห็นเป็นสีดำเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ
แล้วจะแก้ขอบตาดำ ได้อย่างไรล่ะ

วิธีแก้ขอบตาดํา

  1. หาสาเหตุและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง การรักษาผิวใต้ตาหมองคล้ำทำให้กลับมาสดใสดั่งเดิม ก็ควรเริ่มจากหาสาเหตุและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เนื่องจากรอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแต่ละสาเหตุจะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุรอยคล้ำใต้ตาก่อน เพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากขอบตาดำเป็นเพราะการขยี้ตาบ่อย ๆ ก็ให้เลิกขยี้ตาซะ หรือเป็นเพราะแพ้เครื่องสำอาง ก็ให้ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางก่อนการใช้ หรือถ้าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย อดหลับอดนอน ก็พักผ่อนนอนหลับให้มาก ๆ ฯลฯ
  2. ดูแลตัวเอง โดยเริ่มจากการลดบริโภคอาหารไม่มีประโยชน์ แล้วหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ดื่มน้ำมะเขือเทศที่ผสมกับน้ำมะนาวและเกลือ (อาจใส่ใบมิ้นต์ลงไปด้วยเล็กน้อย) เน้นเพิ่มอาหารที่มีวิตามินซีในทุกมื้ออาหาร หรือนำแครอทไปวางไว้ในน้ำร้อนสักพัก แล้วดื่มน้ำนั้นก่อนอาหาร 3 ครั้งต่อวันก็ได้ เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหารอบตาดำคล้ำได้, รวมไปถึงการดื่มน้ำให้มาก ๆ ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น, หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ, เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่มีอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ดูแก่ก่อนวัย และทำให้เกิดคล้ำใต้ตา, หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะผิวใต้ตาจะอ่อนบางกว่าบริเวณอื่น ๆ หากถูกแสงแดดมาก ๆ ผิวส่วนนั้นก็จะบางลงจนมองเห็นเส้นเลือดดำใต้ผิวได้, หาวิธีกำจัดความเครียดพร้อมทั้งนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะช่วงเวลาเราหลับกลางคืนจะเป็นช่วงเวลาแห่งการซ่อมแซมร่างกาย ดวงตาเองก็จะได้รับการซ่อมแซมเช่นกัน โดยคุณควรนอนหลับ 6-8 ชั่วโมงทุกคืนจะดีที่สุด อ้อ..เพิ่มเติมอีกนิด การหนุนหมอนมีคำแนะนำว่าให้คุณหนุนหมอนในขนาดพอเหมาะที่สามารถยกให้ศีรษะสูงขึ้นเหนือระดับของหัวใจเล็กน้อย และให้นอนในท่าหงาย เพื่อช่วยป้องกันของเหลวที่ไหลมารวมกันอยู่บริเวณศีรษะ
  3. รอยคล้ำจางหายด้วยนิ้วมือ เป็นวิธีที่ง่ายสุดในการช่วยขจัดปัญหารอยคล้ำรอบดวงตาที่มีสาเหตุมาจากการที่เลือดไหลเวียนไม่ดี วิธีนี้ให้คุณใช้นิ้วชี้กดเบา ๆ ที่ใต้ตาด้านล่างช้า ๆ จากซ้ายไปขวา โดยให้ทำซ้ำไปมาประมาณ 10 ครั้ง และควรทำหลังจากตื่นนอนตอนเช้า ซึ่งวิธีนี้จะช่วยไล่ความคล้ำที่เกาะอยู่รอบดวงตาให้จางหายไปได้ ส่วนอีกวิธีให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น นำมาประคบบนเปลือกตาประมาณ 5 นาที แล้วให้ล้างด้วยน้ำเย็นจัด จากนั้นให้หลับตาลงพร้อมกับใช้นิ้วกลางกดที่หางคิ้วทั้งสองข้าง แล้วใช้นิ้วโป้งกดเบ้าตาช่วงหัวตาค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ค่อย ๆ ปล่อยแล้วกดลงไปใหม่ทำซ้ำกันประมาณ 5-10 ครั้ง ต่อมาให้ใช้นิ้วกลางกดที่สันจมูก ช่วงหัวตาค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยแล้วกดลงไปใหม่ทำซ้ำกันประมาณ 5-10 ครั้ง
  4. สูตรบำรุงรอบตาให้สวยได้ในข้ามคืน วิธีแรกให้ใช้วุ้นว่านหางจระเข้สด ๆ นำมาทาใต้ตา แล้วนวดเป็นวงกลม ทิ้งไว้แบบนั้นแล้วเข้านอน จะช่วยแก้ปัญหารอบตาคล้ำได้ หรืออีกวิธีให้ใช้น้ำสะระแหน่นำมาทารอบดวงตาก่อนเข้านอน ซึ่งจะช่วยทำให้รอยดวงตาที่ดำคล้ำค่อย ๆ จางหายไป ส่วนวิธีสุดท้ายให้ใช้ผงจันทน์เทศนำมาผสมกับนมสด แล้วนำมาทาใต้ตาพอกทิ้งไว้ข้ามคืน พอตื่นเช้ามาก็จะพบกับรอบดวงตาอันสดใสและไม่ดำคล้ำ
  5. ทรีทเม้นท์เบา ๆ แต่ได้ผล มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน วิธีแรกให้คุณนำสำลีกลม ๆ จุ่มลงในน้ำเย็นหรือน้ำกุหลาบ วางทิ้งไว้บนเปลือกตาประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก, ส่วนวิธีที่สองให้คุณใช้เกลือ 1 ช้อนชา นำมาผสมกับน้ำร้อนครึ่งถ้วย แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ หรือสำลีชุบน้ำเกลือและบีบน้ำออกเล็กน้อย แล้วนพมาปิดเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที, วิธีที่สามให้นำช้อนที่แช่เย็นจัดมาวางไว้บนเปลือกตาสักพัก เพื่อช่วยคลายอาการรอบดวงตาที่ดำคล้ำ, วิธีที่สามให้ใช้ช้อนเหล็กปาดวาสลีนออกมาแล้วนำไปแช่แข็งให้เย็นจัด แล้วจึงนำวาสลีนนั้นมาทารอบดวงตา ส่วนอีกวิธีให้นำผักชีฝรั่งไปวางไว้บนถาดทำน้ำแข็งที่มากับตู้เย็น พร้อมกับเติมน้ำลงไปเพื่อทำเป็นน้ำแข็งก้อน แล้วนำก้อนน้ำแข็งที่มีผักชีฝรั่งอยู่ในน้ำแข็งนั้นมาลูบ ๆ วน ๆ รอบดวงตาที่ดำคล้ำ สารคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในผักชีฝรั่งจะช่วยขจัดรอบคล้ำใต้ตาได้ รวมทั้งน้ำแข็งยังช่วยลดอาการตาบวมได้อีกด้วย
    ขอบตาดําทําไงดี
  6. สูตรมะขามเปียก+นม+น้ำผึ้ง สูตรแรกให้คุณใช้มะขามเปียก 1 กำมือ เอารกออกแล้วล้างน้ำให้สะอาด นำมาผสมกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะ ขยำให้เข้ากัน ถ้าข้นมากให้เติมน้ำลงไปหน่อย จากนั้นให้นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง หลังจากนั้นเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วนำครีมมะขามที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและหางตาให้ทานานหน่อย ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที จึงล้างออก ซึ่งกรด AHA ในมะขามและกรดแลคติกในนมจะช่วยทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  7. สูตรด้วยมาส์กตา 20 นาที มีอยู่มากมายหลายสูตร เช่น การนำแตงกวาและน้ำที่สกัดจากมันฝรั่งมาผสมกัน จากนั้นใช้สำลีชุบส่วนผสมมาวางทิ้งไว้บนเปลือกตา แล้วออกด้วยน้ำเย็น, ฝานมันฝรั่งหรือแตงกวาให้เป็นแผ่นนำมาวางไว้บนเปลือกตา, ฝานลูกแพร์บาง ๆ แล้วนำมาวางใต้ดวงตา (ให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง) สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีในลูกแพร์จะช่วยฟื้นฟูผิวรอบดวงตาได้อย่างน่าอัศจรรย์, นำเปลือกกล้วยบดมาพอกบริเวณใต้ตาที่ดำคล้ำ, นำมะเขือเทศมาฝานเป็นแผ่นแล้วแบ่งครึ่ง ผสมกับน้ำมะนาว ใช้พอกใต้ตาที่มีปัญหาดำคล้ำ, ใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาผสมกับน้ำแร่อุ่น ๆ ในปริมาณเท่ากัน แล้วใช้สำลีชุบให้พอชุ่ม แล้วนำมาวางรอบดวงตา (ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง), นำผงขมิ้นและน้ำสับปะรดมาผสมกันแล้วนำมาพอกใต้ตา, ใช้สำลีชุบน้ำแตงกวาผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาวางไว้บนเปลือกตา, นำสำลีก้อนกลม ๆ ไปจุ่มกับนมสดแช่เย็น แล้วนำมาวางรอบดวงตาเพื่อช่วยทำให้รอยคล้ำจางไป โดยสูตรเหล่านี้ให้วางทิ้งไว้บนเปลือกตาประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออก
    ใต้ตาคล้ํา
  8. สูตรถุงชาแก้ปัญหาตาดำคล้ำ มีหลายสูตรย่อยด้วยกัน วิธีแรกให้คุณใช้ถุงชาฝรั่งที่ชงแล้วและยังอุ่น ๆ หมาด ๆ อยู่เล็กน้อย นำมาวางทับไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยนำถุงชาออก วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีผิวรอบดวงตาแพ้ง่ายหรือบวมง่าย หรืออีกวิธีให้ใช้ถุงชาที่แช่เย็นมาวางไว้บนเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที (ลอกเลือกดูนะว่าแบบอุ่นหรือแบบเย็นจะเหมาะกับคุณมากกว่า) ส่วนอีกวิธีให้ใช้ถุงชาคาโมมายล์นำมาจุ่มลงไปในน้ำร้อน แล้วล้างด้วยน้ำเย็น จากนั้นก็ให้นำมาวางไว้บนเปลือกตาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วรอยหมองคล้ำต่าง ๆ ใต้ตาจะค่อย ๆ หายไปเอง
    ขอบตาคล้ํา
  9. สูตรน้ำมันขจัดปัญหารอบดวงตาคล้ำ คุณสามารถนวดไล่ความคล้ำที่มาเกาะรอบดวงตาได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำมันละหุ่ง น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันอโวคาโด น้ำมันจากแคปซูลวิตามินอี น้ำมันจากแคปซูลวิตามินเค น้ำผึ้ง หรือกลีเซอรีน (ใครที่ตื่นมาแล้วมักตาบวมฉึ่ง ก็แนะนำให้นวดด้วยน้ำมันอัลมอนด์หรือน้ำมันละหุ่ง) นำมานวดรอบ ๆ ดวงตาทิ้งไว้ข้ามคืน ซึ่งน้ำมันเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้รอบตาที่ดำคล้ำหายไปแล้ว ยังถือเป็นการทำสปาแบบผ่อนคลายไปได้ในตัวอีกด้วย
  10. สูตรแผ่นเจล ให้คุณใช้แผ่นเจลที่มีขายสำเร็จรูปเป็นรูปครอบดวงตา โดยเอาไปแช่แข็งให้เย็นแล้วนำมาปิดรอบดวงตาเว้นตรงบริเวณดวงตาเอาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที สูตรนี้จะช่วยคลายเครียดกล้ามเนื้อดวงตา ถนอมดวงตาและถนอมหลอดเลือดรอบตา จึงช่วยลดอาการคล้ำจากหลอดเลือดขยายไว้ได้
  11. ใช้ครีมทารอบดวงตาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ถ้าคุณไม่ใจร้อนและอยากรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป ๆ ก็ให้ใช้ยาทาใต้ตาหรือครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของ Whitening เช่น มีส่วนผสมของวิตามินซี, เรตินอล, กรดโคจิก, ลิโคไลซ์, อาร์บูติน, ไฮโดรควิโนดน หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยรอยดำคล้ำใต้ตาจางลงได้ภายใน 3-4 สัปดาห์
    แก้ขอบตาดํา
  12. การฉีดฟิลเลอร์ ถ้ารอยคล้ำใต้ตานั้นเกิดมาจากเงา เนื่องจากมีร่องใต้ตาที่ลึกจนเกินไป แพทย์อาจใช้วิธีการฉีดสารเติมเต็มเพื่อเพิ่มปริมาตร ซึ่งสารที่ใช้ก็มีทั้งไฮยาลูรอนิกและคอลลาเจน วิธีนี้จะช่วยลบร่องใต้ตาที่ดูลึกได้ แต่อย่าลืมว่าต้องเลือกใช้สารที่ปลอดภัยและฉีดโดยแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญเท่านั้น
    วิธีลดขอบตาดํา
  13. การรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น การรักษาด้วย IPL หรือแสงเข้มข้น เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดี ไม่มีแผล แต่ต้องทำหลาย ๆ ครั้ง, การใช้เลเซอร์เพื่อเข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกตัวเป็นเม็ดเล็ก ๆ (ภายหลังจะถูกร่างกายกำจัดไปในที่สุด) มีทั้งแบบมีแผลและไม่มีแผล อย่างเช่น Q-switched Nd: YAG และต้องทำหลายครั้งเช่นกัน ให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้ไอพีแอล, การใช้แสงเลเซอร์ Fractional Laser (แบบกึ่งมีแผล) แบบนี้แผลจะหายเร็ว สามารถช่วยลดทั้งรอยดำและริ้วรอยตื้น ๆ ได้ และต้องทำหลายครั้งเช่นกัน, การใช้แสงเลเซอร์ในการปรับสภาพผิวแบบเปลี่ยนผิวใหม่ที่เรียกว่า Laser Resurfacing ตัวนี้นอกจากรอยคล้ำใต้ตาจะหายแล้ว ริ้วรอยต่าง ๆ ยังดูดีขึ้นอีกด้วย แต่การใช้วิธีนี้คุณจะต้องเข้าสู่ช่วงเก็บตัวก่อนสวย เพราะจะต้องรักษาแผลให้หายอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 3-6 เดือน ซึ่งวิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่ได้ผลดีในการรักษารอยคล้ำใต้ตา เพียงแต่เสียค่าใช้จ่ายสูง และบางวิธีอาจต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน ส่วนจะเลือกใช้เครื่องมือชนิดไหนนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
  14. ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยปดปิกรอยคล้ำ โดยให้เลือกใช้คอนซีลเลอร์เนื้อบางเกลี่ยง่ายและมีโทนสีใกล้เคียงกับสีผิวของเรามากที่สุด อย่างสีเหลืองหรือสีเหลืองปนส้มอ่อน ๆ เพื่อที่จะไดแก้สีเทาปนน้ำเงินปนม่วงของเงาใต้ตาได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้เลือกใช้กันหลายยี่ห้อเลยล่ะ
    วิธีแก้ขอบตาดํา
  15. รักษาด้วยแพทย์แผนจีน ในศาสตร์เกี่ยวกับตา เปลือกตาจะมีม้ามควบคุมอยู่ ถ้าเปลือกตาดำคล้ำ อาจสะท้อนถึงการทำงานของม้ามที่ผิดปกติก็เป็นได้ ซึ่งการรักษาด้วยแผนจีนจะมีอยู่ 2 อย่าง คือ การฝังเข็มและกินยาจีน เพื่อเพิ่มเลือด แก้อาการเลือดไหลเวียนไม่ดี มีของเสียคั่งอยู่ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับอวัยวะต่าง ๆ และปรับร่างกายให้สมดุล
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีสูตรแก้ปัญหารอบดวงตาดำคล้ำเยอะแยะขนาดนี้ เรียกได้ว่าหากทำตามสูตรหรือวิธีรักษาเหล่านี้แล้ว ปัญหารอยคล้ำใต้ตาก็จะไม่มากวนใจคุณอีกอย่างแน่นอน !

ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ eye cream ของ Atomy นะคะ รับประกันความพอใจค่ะ 



Atomy ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผ่านอย. ทุกตัว ใช้ได้กับผิวของคนทั่วโลก ผลิตขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่รักสุขภาพและความงาม ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อใช้ได้ นานและตลอดไป ศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของAtomyได้วันนี้
คลิกที่นี่

หรือ แอดไลน์ มาที่นี่ค่ะ

***********************************************

บทความเกี่ยวข้อง
วิธีเลือกคอนซีลเลอร์ เพื่อปกปิดรอยต่างๆ

สำหรับปิดรอยคล้ำใต้ตา
สำหรับใต้ตาของคนเราจะมีริ้วรอย เช่น รอยถุงใต้ตา รอยตีนกา หรือริ้วรอยต่างๆ ฉะนั้น ถ้าเป็นใต้ตาเราควรปิดด้วยอะไรที่ไม่หนามาก เช่น คอลซิลเลอร์หรือรองพื้นที่เป็นลิควิดจะดีกว่า เพราะเป็นเนื้อชนิดเหลวจะไม่มีส่วนผสมของแป้งมาก ทำให้หลังจากทาไปแล้วมันจะดูไม่หนาและไม่เป็นรอยแผนที่ใต้ตาค่ะ
เนื่องจากใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบาง คอนซีลเลอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ใต้ตาจึงควรมีความชุ่มชื้นสูง เพื่อการเกลี่ยที่เรียบเนียนและช่วยถนอมผิวใต้ตา ดังนั้น สาวใดกลุ้มใจกับเรื่องแพนด้าอยู่ล่ะก็ แนะนำให้คุณรีบหาซื้อคอนซีลเลอร์ที่ใช้ทาใต้ดวงตาโดยเฉพาะ (Eyes Concealer) โดยให้เลือกสีที่ไม่สว่างกว่ารอยคล้ำนั้นมากหรือควรมีเฉดสีที่สว่างกว่าสีผิว 1 เฉด และควรใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่มีโทนสีกลางคือสีส้มค่อนข้างไปในทางแดงหน่อย แต่อย่าให้แดงมากนะค่ะ เพราะโทนสีนี้จะช่วยให้ไม่เกิดความหมองคล้ำหรือเปลี่ยนสีค่ะ ซึ่งถ้านำคอนซีลเลอร์ที่ปกปิดรอยคล้ำใต้ตามาทาที่สิวจะทำให้ดูเป็นดวงๆได้นะ ดังนั้น คุณจึงไม่ควรนำคอนซีลเลอร์มาใช้ปนกันมั่วๆ นะค่ะ
สำหรับปิดรอยกระกับฝ้า
ฝ้าจะจัดเป็นริ้วรอยเดียวกับรอยคล้าใต้ตา การเลือกใช้คอนซีลเลอร์จึงมีหลักการคล้ายกัน คือให้เลือกใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่มีเม็ดสีแดงจะดีกว่าแต่อย่าให้แดงมากค่ะ เพื่อทำให้สีหักล้างกัน (หลักการนี้ใช้ได้กับทุกเฉดสีผิว) และควรเป็นเฉดสีที่สว่างกว่าสีผิว 1 เฉดค่ะ จากนั้นก็ทำการลงรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์จนรอยนั้นจางลง (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:วิธีใช้คอนซีลเลอร์และแป้งฝุ่น) ขั้นตอนต่อไปขอแยกไว้ตามเฉดสีผิว ดังนี้
ถ้าคุณมีสีผิวเป็นโทนเหลือง: ให้ใช้รองพื้นสีผิวเดียวกับที่เราใช้ประจำปิดรอยอีกที โดยกดย้ำเบา ๆ เท่านั้นค่ะ จากนั้นก็ตามด้วยแป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟตามปกติ
ถ้าคุณมีสีผิวเป็นโทนสีแดง (อมชมพู): ให้ใช้รองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่มีเม็ดสีเหลืองผสมกับรองพื้นที่คุณใช้อยู่โดยมีสัดส่วนสีเหลืองต้องมากกว่าหน่อยค่ะ จากนั้นก็ตามด้วยแป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟตามปกติ
สำหรับปิดรอยสิว
รอยสิวส่วนมากจะเป็นรอยแดง ฉะนั้น ควรเลือกรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ที่ไม่มีเม็ดสีแดงเด็ดขาด ขอย้ำเลยนะค่ะ…ให้ใช้เป็นรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์เม็ดสีเหลือง ควรใช้คอนซีลเลอร์ชนิดแท่ง/หรือคอนซีลเลอร์ที่มีเนื้อเข้มข้น คือเน้นเป็นพวกเนื้อครีม จะปิดได้ดี-ปิดได้สนิทกว่าค่ะ หรือใครจะเลือกคอนซีลเลอร์ชนิดปกปิดสิวโดยเฉพาะก็เวิร์คเลยค่ะะ เพราะชนิดนี้ไม่มีทางระคายเคืองต่อสิวแน่นอน แถมยังมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ที่ช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้นอีกด้วย จากนั้นก็ตามด้วยแป้งฝุ่นหรือแป้งพัฟตามปกติ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
สำหรับสาวๆ ทั้งหลายที่ไม่ได้ใช้คอนซีลเลอร์เป็นประจำ หรือไม่อยากเปลืองตังค์ซื้อไว้หลายอัน ขอแนะนำว่า คุณควรเลือกซื้อคอนซีลเลอร์ที่มีสีสว่างมากกว่าผิวจริง 1 เฉดสีจะใช้ได้คุ้มค่ามากที่สุดค่ะ…และนอกจากการเลือกซื้อคอนซีลเลอร์สำหรับปกปิดให้เหมาะกับตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่จะแต่งหน้าให้สวยเฉียบเนียน สาวๆ ก็ต้องรู้เทคนิคปกปิดจุดที่ไม่พึงประสงค์บนใบหน้าให้ได้ผลดีที่สุดแบบมืออาชีพด้วย
ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้: วิธีใช้คอนซีลเลอร์และแป้งฝุ่น ปกปิดผิวให้สวยเนียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น